brightness_1
กล่าว อัลฮัมดุลิลลาฮ์ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ
หลักฐานที่บ่งชี้ถึงซุนนะฮ์นี้คือ:
ฮะดีษที่ท่านอะนัส บิน มาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ กล่าวว่า ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า: “แท้จริงอัลลอฮ์ทรงพอใจบ่าวที่เมื่อเขารับประทานอาหารและดื่มเสร็จแล้วเขาก็กล่าวคำสรรเสริญต่ออัลลอฮ์” (บันทึกโดยมุสลิม ฮะดีษลำดับที่ 2743)
การกล่าวคำสรรเสริญต่ออัลลอฮ์มีหลายสำนวน เช่น:
ก.
الْحَمْدُ لِلَّهِ كَثِيرًا طَيِّبًا مُبَارَكًا فِيهِ، غَيْرَ مَكْفِيٍّ ، وَلَا مُوَدَّعٍ، وَلَا مُسْتَغْنًى عَنْهُ رَبَّنَا.
อ่านว่า “อัลฮัมดุลิลลาฮิ กะษีร็อน ฏ็อยยิบัน มุบาเราะกัน ฟีฮิ, ฆ็อยเราะ มักฟียิน, วะลา มุวัดดะอิน, วะลา มุสตัฆนัน อันฮุ ร็อบบะนา”
ความว่า “การสรรเสริญทั้งมวลเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ เป็นการสรรเสริญที่มากมาย ดีงาม และจำเริญอยู่ในนั้น โดยที่เราไม่อาจจะขาดการพึ่งพิงพระองค์ได้ในขณะที่พระองค์ไม่ต้องพึ่งผู้ใดเลย เราไม่อาจจะทอดทิ้งพระองค์ และไม่อาจพึ่งตัวเองโดยปราศจากพระองค์ได้ โอ้พระผู้อภิบาลของเรา” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ ฮะดีษลำดับที่ 5458)
ข.
الْحَمْدُ لِلَّهِ الَّذِي كَفَانَا وَأَرْوَانَا، غَيْرَ مَكْفِيٍّ وَلَا مَكْفُورٍ
อ่านว่า “อัลฮัมดุลิลลาฮิล ละซี กะฟานา, วะอัรวานา ฆ็อยรอ มักฟียิน วะลา มักฟูร”
ความว่า “การสรรเสริญทั้งมวลเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ ผู้ซึ่งให้ความเพียงพอแก่เราและให้ความอิ่มแก่เรา โดยที่เรายังคงต้องการพึ่งพิงพระองค์อยู่เสมอในขณะที่พระองค์ไม่ต้องพึ่งผู้ใด และความดีของพระองค์จะไม่ถูกปฏิเสธ” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ ฮะดีษลำดับที่ 5459)
คำว่า “ฆ็อยรอ มักฟียิน” คือ พระองค์ไม่ต้องการผู้ใดอีก เพราะอัลลอฮ์คือผู้ที่ให้อาหารแก่ปวงบ่าวและให้พวกเขาอย่างเพียงพอ
คำว่า “วะลา มุวัดดะอ์” คือ ไม่ถูกทอดทิ้ง
คำว่า “กะฟานา” คือ ทำให้เพียงพอ
คำว่า “อัรวานา” คือ ทำให้หายจากการกระหาย
คำว่า “วะลา มักฟูร” คือความประเสริฐและความโปรดปรานของอัลลอฮ์จะไม่ถูกปฏิเสธ