languageIcon
search
search

1 ครั้ง

brightness_1

اللَّهُ لَا إِلَهَ إِلَّا هُوَ الْحَيُّ الْقَيُّومُ لَا تَأْخُذُهُ سِنَةٌ وَلَا نَوْمٌ لَهُ مَا فِي السَّمَاوَاتِ وَمَا فِي الْأَرْضِ مَنْ ذَا الَّذِي يَشْفَعُ عِنْدَهُ إِلَّا بِإِذْنِهِ يَعْلَمُ مَا بَيْنَ أَيْدِيهِمْ وَمَا خَلْفَهُمْ وَلَا يُحِيطُونَ بِشَيْءٍ مِنْ عِلْمِهِ إِلَّا بِمَا شَاءَ وَسِعَ كُرْسِيُّهُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ وَلَا يَئُودُهُ حِفْظُهُمَا وَهُوَ الْعَلِيُّ الْعَظِيمُ

เมื่อจะนอนมีซุนนะฮ์ให้อ่านอายะฮ์กุรซีย์ เพราะจะช่วยปกป้องเขาจากชัยฏอนจนถึงเช้า

หลักฐานคือ: เรื่องราวของท่านอบู ฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ กับผู้ขโมยทรัพย์สินซะกาต และในฮะดีษท่านอบู ฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ กล่าวว่า:ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวแก่ฉันว่า “เชลยของท่านได้ทำอะไรบ้างเมื่อคืน?” ฉันกล่าวว่า เขาอ้างว่าเขาสอนฉันถึงคำพูดที่อัลลอฮ์จะให้เกิดประโยชน์แก่ตัวฉัน ฉันจึงปล่อยตัวเขาไป ท่านนบีกล่าวว่า “คำพูดนั้นคืออะไร?”  ฉันกล่าวว่า “เขาบอกว่าเมื่อท่านจะนอนบนที่นอนของท่าน จงอ่านอายะฮ์กุรซีย์จากเริ่มจนจบคืออายะฮ์ (อัลลอฮุลาอิลาฮะ อิลลาฮุวัล ฮัยยุล ก็อยยูม…) และเขากล่าวแก่ฉันว่า อัลลอฮ์จะยังคงรักษาท่าน และชัยฏอนจะไม่เข้าใกล้ท่านจนเช้า  ทั้งนี้ บรรดาเศาะหาบะฮ์เป็นผู้ที่มุ่งมั่นจริงจังในการทำความดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็กล่าวว่า: “เขาได้พูดความจริงแก่ท่านทั้งที่เขาเป็นจอมโกหก ท่านรู้หรือเปล่าว่าผู้ที่ท่านสนทนาด้วยเมื่อสามคืนก่อนคือใคร โอ้ อบูฮุร็อยเราะฮ์?” ท่านตอบว่า ไม่ครับ ท่านนบีกล่าวว่า: “นั่นคือชัยฏอน” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ ฮะดีษลำดับที่ 2311 และอันนะซาอีย์ ฮะดีษลำดับที่ 10795)

.......

1 ครั้ง

brightness_1

ดังฮะดีษที่ท่านอบู มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ กล่าวว่า ท่านเราะซูลุลลอฮ์ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า: “ผู้ใดอ่านสองอายะฮ์สุดท้ายของซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ในตอนกลางคืน เพียงพอแล้วที่มันจะปกป้องเขา” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ ฮะดีษลำดับที่ 4008 บันทึกโดยมุสลิม ฮะดีษลำดับที่ 807)

สองอายะฮ์สุดท้ายของซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นบทซิกิรก่อนนอน แต่เป็นสิ่งที่อ่านตอนกลางคืน หากเขานึกขึ้นได้ตอนจะนอนก็ให้อ่านตอนนั้น

คำว่า “กะฟะตาฮุ” มีการให้ความหมายที่แตกต่างกันดังนี้:

หนึ่ง: เพียงพอที่จะทดแทนจากการละหมาดกิยามุลลัยล์

สอง: เพียงพอที่จะใช้ปกป้องเขาจากชัยฏอนได้

สาม: เพียงพอที่จะปกป้องจากโรคภัยและอุบัติเหตุต่างๆ

แต่อาจเป็นได้ทั้งสามข้อดังที่อันนะวะวีย์ เราะฮิมะฮุลลอฮ์ ได้บอกเอาไว้ (ดูใน ชัรห์ เศาะฮีห์ มุสลิม ฮะดีษลำดับที่ 808 เรื่องความประเสริฐของซูเราะฮ์อัลฟาติฮะฮ์ และท้ายซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์…)

.......

3 ครั้ง

brightness_1

หลักฐานคือ:

ฮะดีษที่ท่านหญิงอาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า: “ทุกคืนเมื่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เข้าสู่ที่นอนของท่าน ท่านจะรวมฝ่ามือทั้งสองเข้าด้วยกัน แล้วเป่าในมือทั้งสอง แล้วอ่าน “กุลฮุวัลลอฮุ อะฮัด และกุลอะอูซุ บิร็อบบิล ฟะลัก และกุลอะอูซุ บิร็อบบินนาส” แล้วท่านเอาฝ่ามือทั้งสองลูบทั่วร่างกายเท่าที่มีความสามารถจะลูบถึง เริ่มจากศีรษะ ใบหน้า และตามด้วยส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ท่านทำอย่างนี้สามครั้ง” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ ฮะดีษลำดับที่ 5017)

ประโยชน์ที่ได้รับจากฮะดีษนี้: คือ แท้จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ปฏิบัติซุนนะฮ์นี้เป็นประจำทุกคืน ดังที่ท่านหญิงอาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า “ทุกคืน” ดังนั้นผู้ใดต้องการจะปฏิบัติซุนนะฮ์นี้ เขาจะต้องรวมฝ่ามือทั้งสองเข้าด้วยกัน แล้วเป่าในฝ่ามือทั้งสองด้วยการอ่านซูเราะฮ์อัลอิคลาศ ซูเราะฮ์อัลฟะลัก และซูเราะฮ์อันนาส แล้วลูบให้ทั่วร่างกายเท่าที่มีความสามารถจะลูบถึง เริ่มจากศีรษะ ใบหน้า และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ทำอย่างนี้สามครั้ง.

.......

1 ครั้ง

brightness_1

اللَّهُمَّ رَبَّ السَّمَاوَاتِ وَرَبَّ الأَرْضِ وَرَبَّ الْعَرْشِ الْعَظِيمِ ،  رَبَّنَا وَرَبَّ كُلِّ شَيْءٍ  فَالِقَ الْحَبِّ وَالنَّوَى ،  وَمُنْزِلَ التَّوْرَاةِ وَالإِنْجِيلِ وَالْفُرْقَانِ ،  أَعُوذُ بِكَ مِنْ شَرِّ كُلِّ شَيْءٍ أَنْتَ آخِذٌ بِنَاصِيَتِهِ  ، اللَّهُمَّ أَنْتَ الأَوَّلُ فَلَيْسَ قَبْلَكَ شَيْءٌ  ، وَأَنْتَ الآخِرُ فَلَيْسَ بَعْدَكَ شَيْءٌ  ، وَأَنْتَ الظَّاهِرُ فَلَيْسَ فَوْقَكَ شَيْءٌ  ، وَأَنْتَ الْبَاطِنُ فَلَيْسَ دُونَكَ شَيْءٌ  ، اقْضِ عَنَّا الدَّيْنَ وَأَغْنِنَا مِنَ الْفَقْرِ

อ่านว่า “อัลลอฮุมมะ ร็อบบัส สะมาวาติ วะ ร็อบบัลอัรฎิ วะร็อบบัล อัรชิล อะซีม, ร็อบบะนา วะ ร็อบบะ กุลลิ ชัยอิน, ฟาลิก็อล ฮับบิ วันนะวา, วะมุนซิลัต เตารอติ วัลอิลญีล วัลฟุรกอน, อะอูซุ บิกะ มินชัรริกุลลิชัยอิน อันตะ อาคิซุน บินาศิยะติฮิ, อัลลอฮุมมะ อันตัลเอาวะลุ ฟะลัยซะ ก็อบบะละกะ ชัยอุน, วะอันตัลอาคิรุ ฟะลัยซะ บะอ์ดะกะ ชัยอุน, วะอันตัซซอฮิรุ ฟะลัยซะ เฟากอกะ ชัยอุน, วะอันตัลบาฏินุ ฟะลัยซะ ดูนะกะ ชัยอุน, อิกฎิ อันนัดดัยนะ, วะอัฆนินา มินัล ฟักริ”

ความว่า “โอ้อัลลอฮ์ ผู้ทรงอภิบาลแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และผู้ทรงอภิบาลแห่งบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ ผู้ทรงอภิบาลแห่งพวกเราและทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้ทรงให้เมล็ดพืชงอกเงยขึ้นมา ผู้ทรงประทานคัมภีร์อัตเตารอต อัลอิลญีล และอัลกุรอาน ฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากความชั่วร้ายของทุกสรรพสิ่งที่พระองค์เป็นผู้กุมขม่อมของมัน โอ้อัลลอฮ์พระองค์เป็นผู้แรก ซึ่งไม่มีสิ่งใดก่อนหน้าพระองค์ พระองค์เป็นผู้สุดท้าย ซึ่งไม่มีสิ่งใดหลังจากพระองค์พระองค์เป็นผู้ที่ชัดเจนเหนือทุกสิ่งไม่มีสิ่งใดเหนือพระองค์ พระองค์เป็นผู้เร้นลับไม่มีสิ่งใดที่เร้นลับยิ่งกว่าพระองค์อีก โปรดอำนวยให้เราได้จ่ายหนี้ด้วยเถิด และโปรดทำให้เรามั่งมีจนรอดพ้นจากความยากจนด้วยเถิด” (บันทึกโดยมุสลิม ฮะดีษลำดับที่ 2713)

.......

1 ครั้ง

brightness_1

بِاسْمِكَ رَبِّ وَضَعْتُ جَنْبِي وَبِكَ أَرْفَعُهُ، إِنْ أَمْسَكْتَ نَفْسِي فَارْحَمْهَا، وَإِنْ أَرْسَلْتَهَا فَاحْفَظْهَا بِمَا تَحْفَظُ بِهِ عِبَادَكَ الصَّالِحِينَ

อ่านว่า “บิสมิกะ ร็อบบี วะเฎาะอ์ตุ ญันบี วะบิกะ อัรฟะอุฮุ, อินอัมซักตะ นัฟซี ฟัรฮัมฮา, วะอิน อัรซัลตะฮา ฟะฮ์ฟัซฮา บิมา ตะฮ์ฟะซุ บิฮี อิบาดะกัศ ศอลิฮีน”

ความว่า “โอ้ผู้ทรงอภิบาลของฉัน ด้วยพระนามของพระองค์ฉันได้วางสีข้างของฉัน และด้วยพระองค์ฉันยกมันขึ้น หากพระองค์เอาชีวิตของฉันไป โปรดเมตตามันด้วยเถิด และหากพระองค์ไว้ชีวิตมัน โปรดรักษามันอย่างที่พระองค์รักษาบ่าวที่ดีทั้งหลายด้วยเถิด” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ ฮะดีษลำดับที่ 6302 บันทึกโดยมุสลิม ฮะดีษลำดับที่ 2714)

.......

1 ครั้ง

brightness_1

الْحَمْدُ للّهِ الَّذِي أَطْعَمَنَا وَسَقَانَا، وَكَفَانَا وَآوَانَا  فَكَمْ مِمَّنْ لاَ كَافِيَ لَهُ وَلاَ مُؤْوِي

อ่านว่า “อัลฮัมดุลิลลาฮิลละซี อัฏอะมะนา วะซะกอนา วะกะฟานา วะอาวานา ฟะกัม มิมมัน ลา กาฟิยะละฮู วะลา มุอ์วี”

ความว่า “การสรรเสริญทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ผู้ซึ่งให้อาหารแก่พวกเรา ให้เครื่องดื่มแก่พวกเรา ทรงปกป้องเรา และทรงให้ที่พักพิงแก่เรา กี่มากน้อยแล้วผู้ที่ไม่มีใครปกป้อง ผู้ไม่มีใครให้ที่พักพิง”

จากฮะดีษที่ท่านอะนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ กล่าวว่า: “แท้จริงเมื่อท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เข้านอนท่านกล่าวว่า: “อัลฮัมดุลิลลาฮ์…จนจบ” (บันทึกโดยมุสลิม ฮะดีษลำดับที่ 2715)

.......

100 ครั้ง

brightness_1

سبحان الله (33)، الحمد لله (33)، الله أكبر (34) م

มีซุนนะฮ์ให้กล่าว ซุบฮานัลลอฮ์ สามสิบสามครั้ง  อัลฮัมดุลิลลาฮ์ สามสิบสามครั้ง อัลลอฮุอักบัร สามสิบสี่ครั้ง เมื่อต้องการจะนอน จะได้รับความประเสริฐที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือ จะได้รับพลังความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายของเขาตลอดทั้งวัน

หลักฐานคือ: ฮะดีษที่ท่านอะลีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ กล่าวว่า มีเชลยศึกมายังท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ก็ได้มาหาท่านเพื่อร้องเรียนว่านางปวดมือจากการโม่แป้งเพื่อจะขอเชลยผู้นั้นมาเป็นคนรับใช้ แต่นางไม่ได้พบท่านนบี พบแต่ท่านหญิงอาอิชะฮ์จึงได้ฝากนางให้บอกกับท่านนบีไว้ เมื่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กลับมา ท่านหญิงอาอิชะฮ์ก็บอกเรื่องนั้นแก่ท่าน แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็มาหาพวกเรา ซึ่งตอนนั้นเรานอนกันแล้ว พวกเราจะลุกขึ้น แต่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า  “ไม่ต้องลุกขึ้น” แล้วท่านก็นั่งสอดเท้าเข้ามาระหว่างพวกเราจนพบว่าเท้าที่เย็นของท่านอยู่ระดับหน้าอกของฉัน แล้วท่านกล่าวว่า  “เอาไหมฉันจะสอนเธอทั้งสองในสิ่งที่ดีกว่าสิ่งที่เธอขอ? เมื่อพวกเธอนอน จงกล่าวว่า อัลลอฮุอักบัร สามสิบสี่ครั้ง  ซุบฮานัลลอฮ์ สามสิบสามครั้ง  อัลฮัมดุลิลลาฮ์ สามสิบสามครั้ง ดีกว่าการมีคนใช้หนึ่งคนเสียอีก” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ ฮะดีษลำดับที่ 3705 บันทึกโดยมุสลิม ฮะดีษลำดับที่ 2727)

ในอีกสายรายงานหนึ่งมีว่า ท่านอะลีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ กล่าวว่า: “ฉันไม่เคยทิ้งการกล่าวนี้นับตั้งแต่ได้ยินจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีคนถามว่า แม้ในวันสงครามศิฟฟีนกระนั้นหรือ? ท่านตอบว่า:ใช่ แม้กระทั่งในคืนศิฟฟีนด้วยก็ตาม” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ ฮะดีษลำดับที่ 5362 บันทึกโดยมุสลิม  ฮะดีษลำดับที่ 2727)

.......

1 ครั้ง

brightness_1

" اللَّهُمَّ إِنِّي أَسْلَمْتُ وَجْهِي إِلَيْكَ ، وَفَوَّضْتُ أَمْرِي إِلَيْكَ ، وَأَلْجَأْتُ ظَهْرِي إِلَيْكَ ، رَغْبَةً وَرَهْبَةً إِلَيْكَ. لاَ مَلْجَأَ وَلاَ مَنْجَا مِنْكَ إِلاَّ إِلَيْكَ، آمَنْتُ بِكِتَابِكَ الَّذِي أَنْزَلْتَ، وَبِنَبِيِّكَ الَّذِي أَرْسَلْتَ" 

อ่านว่า “อัลลอฮุมมะ อินนี อัสลัมตุ วัจญ์ฮี อิลัยกะ, วะเฟาวัฎตุ อัมรีย์ อิลัยกะ, วะอัลญะอ์ตุ เซาะฮ์รี อิลัยกะ, ร็อฆบะตัน วะเราะฮ์บะตัน อิลัยกะ, ลา มัลญะอะ วะลา มันญา มินกะ อิลลา อิลัยกะ, อามันตุ บิกิตาบิกัล ละซี อันซัลตะ, วะบินะบียิกัล ละซี อัรซัลตะ”

ความว่า “โอ้อัลลอฮ์ แท้จริงฉันได้ให้ใบหน้าของฉันจำนนต่อพระองค์ และมอบหมายการงานของฉันต่อพระองค์ และให้แผ่นหลังของฉันพึ่งพิงพระองค์ ด้วยความหวังและกลัวต่อพระองค์ ไม่มีที่พึ่งพิงและไม่มีที่ปลอดภัยใดนอกจาก ณ ที่พระองค์ ฉันได้ศรัทธาต่อคัมภีร์ที่ของพระองค์ที่ประทานลงมา และนบีของพระองค์ที่ส่งมา” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ ฮะดีษลำดับที่ 247 บันทึกโดยมุสลิม ฮะดีษลำดับที่ 2710) และในช่วงท้ายของฮะดีษ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “จงทำให้มันเป็นคำพูดสุดท้ายของท่าน เพราะหากท่านตายในคืนนั้น ท่านได้ตายบนศาสนาที่บริสุทธิ์” และในบันทึกของมุสลิมท่านกล่าวว่า: “หากท่านตื่นมา ท่านจะตื่นขึ้นมาบนความดี”

และในฮะดีษนี้ยังได้อธิบายถึงซุนนะฮ์อื่นอีก คือจะต้องให้บทซิกิรนี้เป็นคำพูดสุดท้ายก่อนนอน  และเขาจะได้รับผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ หากเขาตายในคืนนั้นเท่ากับตายอยู่บนฟิฏเราะฮ์ หมายถึงบนซุนนะฮ์ หรืออยู่ในศาสนาของอิบรอฮีมที่บริสุทธิ์ หากเขาตื่นเขาจะตื่นขึ้นมาบนความดี ทั้งในปัจจัยยังชีพ และการงาน รวมถึงความดีอื่นๆ ที่ครอบคลุมอยู่ในคำนี้ -วัลลอฮุอะอ์ลัม

.......

1 ครั้ง

brightness_1

และสิ่งที่สมควรจะเตือนในที่นี้ด้วยคือ: บทซิกิรที่ยิ่งใหญ่ ที่เป็นสาเหตุของความประเสริฐที่ใหญ่ยิ่ง ที่อัลลอฮ์ผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงสูงส่งทรงโปรดปราน คือบทซิกิรที่อยู่ในฮะดีษเศาะฮีห์ ที่ท่านชัดดาด บิน เอาซ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮ์ รายงานว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า: “นายแห่งการขออภัยโทษ คือการที่ท่านกล่าวว่า:

اللَّهُمَّ أَنْتَ رَبِّي لَا إِلَهَ إِلَّا أَنْتَ، خَلَقْتَنِي وَأَنَا عَبْدُكَ، وَأَنَا عَلَى عَهْدِكَ وَوَعْدِكَ مَا اسْتَطَعْتُ ، أَعُوذُ بِكَ مِنْ شَرِّ مَا صَنَعْتُ، أَبُوءُ لَكَ بِنِعْمَتِكَ عَلَيَّ ، وَأَبُوءُ لَكَ بِذَنْبِي ، فَاغْفِرْ لِي فَإِنَّهُ لَا يَغْفِرُ الذُّنُوبَ إِلَّا أَنْتَ.

อ่านว่า “อัลลอฮุมมะ อันตะ ร็อบบี ลาอิลาฮะ อิลลา อันตะ, เคาะลักตะนี วะอะนา อับดุกะ, วะอะนา อะลา อะฮ์ดิกะ วะวะอ์ดิกะ มัซตะเฏาะอ์ตุ, อะอูซุบิกะ มินชัรริ มาเศาะนะอ์ตุ, อะบูอุ ละกะ บินิอ์มะติกะ อะลัยยา, วะอะบูอุ บิซัมบี, ฟัฆฟิรลี ฟะอินนะฮู ลา ยัฆฟิรุซ ซุนูบะ อิลลา อันตะ”

ความว่า “โอ้อัลลอฮ์พระองค์คือผู้ทรงอภิบาลของฉัน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์ได้สร้างฉันและฉันคือบ่าวของพระองค์ ตัวฉันกับสัญญาแห่งผลตอบแทนที่ดี และสัญญาแห่งการลงโทษของพระองค์นั้น ฉันทำได้เท่าที่ฉันมีความสามารถเท่านั้น ฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากความชั่วร้ายที่ฉันได้กระทำไว้ ฉันกลับไปหาพระองค์ด้วยการยอมรับในความโปรดปรานของพระองค์ที่มีต่อตัวฉัน และฉันขอกลับไปหาพระองค์ด้วยการยอมรับในความผิดบาปของฉัน ดังนั้น ขอได้โปรดประทานอภัยโทษแก่ฉันเถิด เพราะแท้จริงไม่มีผู้ใดสามารถอภัยในบาปต่างๆได้นอกจากพระองค์” ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า: “ผู้ใดกล่าวดุอาอ์นี้ตอนกลางวันด้วยความเชื่อมั่น หากเขาเสียชีวิตก่อนค่ำเขาจะได้เป็นชาวสวรรค์ และหากเขากล่าวตอนค่ำด้วยความเชื่อมั่น แล้วเขาเสียชีวิตก่อนถึงตอนเช้า เขาจะได้เป็นชาวสวรรค์” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ ฮะดีษลำดับที่ 6306)

.......

1 ครั้ง

brightness_1

اللَّهُمَّ خَلَقْتَ نَفْسِي وَأَنْتَ تَوَفَّاهَا،  لَكَ مَمَاتُهَا وَمَحْيَاهَا،  إِنْ أَحْيَيْتَهَا فَاحْفَظْهَا، وَإِنْ أَمَتَّهَا فَاغْفِرْ لَهَا  اللَّهُمَّ إِنِّي أَسْأَلُكَ الْعَافِيَةَ.

อ่านว่า “อัลลอฮุมมะ เคาะลักตะ นัฟซี วะอันตะ ตะวัฟฟาฮา, ละกะ มะมาตุฮา วะมะห์ยาฮา, อิน อะห์ยัยตะฮา ฟะฮ์ฟัซฮา, วะอิน อะมัตตะฮา ฟัฆฟิร ละฮา, อัลลอฮุมมะ อินนี อัสอะลุกัล อาฟิยะฮ์”

ความว่า “โอ้อัลลอฮ์พระองค์ได้สร้างฉัน และพระองค์ก็ทำให้มันตาย การทำให้มันตายและมีชีวิตเป็นสิทธิของพระองค์ หากพระองค์ให้ชีวิตกับมัน โปรดรักษามันด้วยเถิด และหากพระองค์ให้มันตาย โปรดอภัยโทษให้มันด้วยเถิด โอ้อัลลอฮ์ แท้จริงฉันขอความปลอดภัยจากพระองค์” (บันทึกโดยมุสลิม ฮะดีษลำดับที่ 2712)

.......